

ความแตกต่างของกรด Salicylic Acid & Azelaic Acid

Salicylic acid
Salicylic Acid (BHA) / Beta Hydroxy Acid เป็นสารที่ได้จากการสังเคราะห์ สามารถละลายในไขมันได้ซึ่งต่างจากกรดทั่วไป AHA โดย BHAจะสามารถผลัดเซลล์ผิว สลายเซลล์ผิวที่ตกค้าง เร่งการผลักเซลล์ผิวใหม่ พร้อมกับละลายไขมัน สิ่งสกปรกที่อุดตันในรุขุมขนได้ ลดการอุดตัน เผยผิวสะอาด ใส เรียบเนียนขึ้น
Salicylic Acid จะช่วยลดค่า pH ของผิวและเพิ่มความชุ่มชื้นในกระบวนการผลัดผิวตามธรรมชาติ
คุณสมบัติ
- ฆ่าเชื้อโรค (Antiseptic)
- ผลัดเซลล์ผิว (Keratolytic)
- ต่อต้านรังแค (Anti-dandruff)มีฤทธิ์สลายสิวอุดตัน และสิ่งสกปรกที่อยู่ในรูขุมขน
ลักษณะผลิตภัณฑ์ : ผงสีขาว
ปริมาณการใช้ที่แนะนำ : 0.1-3%(อ.ย. อนุญาตให้ใช้ไม่เกิน 2.0% สำหรับผลิตภัณฑ์ทาผิว และ 3.0% สำหรับผลิตภัณฑ์สระผมกำจัดรังแค หรือ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วล้างออก), หากใช้ในความเข้มข้นสูงกว่านี้ ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์
การละลาย - วิธีใช้ : ละลาย กับ Isoprene Glycol (Isopentyldiol), Propylene Glycol, Butylene Glycol, Alcohol ก่อนเติมลงในสูตร

Azelaic Acid
Azelaic Acid อยู่ในกลุ่มของกรดไดคาร์บอกซิลิก (Dicarboxylic Acid) เป็นกรดอินทรีย์ที่มักพบในพืชตระกูลข้าวสาลี ข้าวไรซ์และข้าวบาร์เลย์ส่วนใหญ่มักถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์เพื่อรักษาปัญหาผิวที่มีความรุนแรงในระดับน้อยไปจนถึงระดับปานกลาง
#คณะผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบส่วนผสมเครื่องสำอางของสหรัฐอเมริกา สรุปว่า Azelaic Acid มีความปลอดภัย
คุณสมบัติ
🔸️ต้านเชื้อแบคทีเรียP.acne (แบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว)
🔸️มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและลด ROS ช่วยรักษาโรคผิวหนัง
🔸️มีฤทธิ์ผลัดเซลส์ผิว ลดรอยแดงและรอยดำหลังเกิดสิว
🔸️ป้องกันการสร้างเคราตินมากเกินไป สาเหตุของสิวอุดตัน
🔸️ช่วยต้านอนุมูลอิสระปรับผิวขาวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ
🔸️ไม่ทำให้ผิวไวต่อแสง อ่อนโยนและปลอดภัย
🔸️ปรับสมดุลการหลั่งน้ำมันของผิว
🔸️ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินที่ผิดปกติ ช่วยรักษาฝ้ากระ รอยดำ
ลักษณะผลิตภัณฑ์ : ผงสีขาวหรือเหลืองอ่อน มีกลิ่นเฉพาะตัว
ปริมาณการใช้ที่แนะนำ : 1-10 %
การละลาย - วิธีใช้ : ละลายใน Butylene glycol , Glycerin , Alcoholและสามารถละลายในน้ำได้เพียงเล็กน้อย
ชื่อที่ใช้สำหรับยื่นจดแจ้งเครื่องสำอาง : Potassium azeloyl diglycinate
Azelaic acid เป็นกรดธรรมชาติ สามารถออกฤทธิ์เป็นยาต้านจุลชีพ และช่วยลดการอุดตันได้ นิยมนำมาใช้เป็นยารักษาสิวที่มีความรุนแรงน้อยไปถึงความรุนแรงปานกลาง นอกจากนี้กรดอะซีลาอิกสามารถลดรอยดำจากสิวหลังการรักษาสิวได้ และใช้เป็นยารักษาโรคผิวหนังอักเสบโรซาเซีย (Rosacea) โดยช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง แต่กรดอะซีลาอิกมีข้อเสียคืออาจจะทำให้ผิวไหม้ แสบร้อน หรือเกิดเป็นแผลพุพองได้ หากมีการใช้ที่ผิดวิธีดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ทุกครั้ง
ส่วน Salicylic acid เป็นกรดมาจากธรรมชาติเช่นเดียวกับ Azelaic acid ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว Keratinocyte ที่อุดตันในรูขุมขน ลดอัตราการเกิดสิว และสามารถออกฤทธิ์ลดอาการอักเสบลงได้แต่ Salicylic Aicd ให้ผลลัพธ์ที่น้อยกว่า Retinoid และ Benzoyl peroxide และอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนังลอก และมีอาการแสบได้ หากใช้ รักษาสิว ในปริมาณที่มากเกินไป